ส่องธุรกิจทำกำไรปี 2564 จ่ายปันผลสูงสุด 10 อันดับแรก พร้อมแนะนำทริกง่ายๆ เลือกหุ้นปันผลเข้าพอร์ต
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กรุงศรีฯ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า 10 อันดับบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2564 ที่มีกำไรและประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสูงสุด(ตัวเลขจริงที่ประกาศจ่ายปันผลออกมาแล้ว) ประกอบด้วย 1.บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) 2.บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) 3.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) 4.บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO)
5.บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) 6.บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น(BCP) 7.บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์(WHAUP) 8.บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) 9.บมจ.ศุภาลัย(SPALI) 10.บมจ.เอเชี่ยนซีคอร์ปอเรชั่น(ASIAN)
STGT ปี’65 กำไรส่อหดตัว
โดย STGT เป็นปีที่กำไรได้ผลประโยชน์จากโควิด-19 เต็มๆ ทำกำไรสุทธิแบบอลังการมาก มีการปรับนโยบายการจ่ายปันผลออกมาเป็นปีละ 4 ครั้ง โดยจ่ายปันผลออกมาทั้งหมด 4.70 บาท ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Dividend Yield) สูงถึง 18% ถือว่าสูงมากๆ
“เพียงแต่ว่าธุรกิจถุงมือยางจะมีรอบของเขาอยู่ ช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักๆ ดีมานด์ถุงมือยางเยอะ แต่ซัพพลายถุงมือยางมีค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อดีมานด์มันมาทำให้ราคาสูง แต่ปีนี้สถานการณ์ต่างกัน แนวโน้มกำไรอาจจะหดตัวลง เพราะฉะนั้นจะเอาตัวเลข Dividend Yield ที่ได้ในปีที่แล้วมาเป็นตัวอ้างอิงในปีนี้ไม่ได้ เราก็คงต้องทำการบ้านเพิ่ม” นายอาทิตย์ กล่าว
MAJOR บุ๊กกำไรพิเศษ
ถัดมาคือ MAJOR จ่ายปันผลออกมาทั้งหมด 1.60 บาท ให้ Dividend Yield ประมาณสัก 8% แต่อย่าลืมว่าปีที่แล้ว MAJOR มีรายการพิเศษจากการขายธุรกิจ บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์(SF) จึงมีกำไรพิเศษเข้ามา ส่งผลให้ MAJOR สามารถจ่ายปันผลที่เป็น Extra Dividend ออกมา ทำให้ยีลด์ในปีที่ผ่านมาดูสูงผิดปกติ เพราะฉะนั้นปีนี้ต้องหักรายการตรงนั้นออกไปด้วย
“เวลาเลือกหุ้นปันผลต้องวิเคราะห์ให้รอบด้าน ไม่ใช่เห็นตัวเลข Dividend Yield สูงๆ แล้วกระโดดเข้าไป อาจจะผิดจังหวะได้”
ต่อมาคือ PTTGC ตัวนี้จ่ายปันผลค่อนข้างดีประมาณ 3.80 บาท ให้ Dividend Yield อ้างอิงบนราคาปิด(เมื่อ 24 ก.พ.65) อยู่ที่ 6.9% ถือเป็นอีกหนึ่งตัวในกลุ่ม ปตท.ที่ให้ Dividend Yield ค่อนข้างสูง แต่อย่าลืมว่า PTTGC อยู่ในกลุ่มธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์(Commodity) ซึ่งความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงผลกำไรจะสูงมาก ก็ไม่เหมาะจะเป็นหุ้นในกลุ่มที่จะเป็น Dividend Play
TISCO ขาประจำปันผลสูง
ส่วน TISCO ถือเป็นขาประจำสำหรับหุ้นปันผลสูง ถ้าใครที่เป็นแฟนคลับหุ้นปันผล ต้องมี TISCO อย่างน้อยๆ 1 ตัวติดอยู่ในพอร์ต มีประวัติการจ่ายปันผลสม่ำเสมอมาก และให้ Dividend Yield ค่อนข้างดี อยู่ในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ปีที่แล้วจ่ายปันผล 6.50 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 6.7%
SAT รับกระแสอีวี
ต่อมา SAT จัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ปีที่แล้วจ่ายปันผลไป 1.40 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 6.6% ซึ่งปีที่แล้วกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ได้รับผลกระทบทั้งจากภายนอกและภายในจากการระบาดโควิด-19 และชิปประมวลผลขาดแคลน
ปีนี้ก็คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น และมีภาครัฐมาสนับสนุนเรื่องรถยนต์ EV Car ก็น่าจะทำให้กระแสการผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้ฟื้นกลับมา
ด้าน BCP อยู่ในกลุ่มน้ำมัน ปีที่แล้วจ่ายปันผลทั้งหมด 2 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 6.4% และ WHAUP อยู่ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ทำธุรกิจสาธารณูปโภค พวกน้ำประปา ไฟฟ้าในนิคม ตัวนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน ปีที่แล้วจ่ายปันผลไปทั้งหมด 0.30 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 6.2% ส่วน IRPC จะเห็นว่าปีที่แล้วกลุ่มธุรกิจน้ำมัน-ปิโตรฯ เข้ามาอยู่ในลิสต์ค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นปีที่ได้อานิสงส์จากการที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จึงจ่ายปันผลออกมาค่อนข้างดี 0.20 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 5.9%
ASIAN ผันทำกำไรจากธุรกิจอาหารสัตว์
สองตัวสุดท้ายคือ SPALI และ ASIAN โดย SPALI ปีที่แล้วจ่ายออกมาทั้งหมด 1.30 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 5.8% ถึงแม้ว่าจะศุภาลัยจะเจอปัญหาเรื่องโควิด-19 ระบาด ปัญหาการเปิดโครงการที่แสนยาก แต่ก็มีของเดิมที่เคยขายไว้ในอดีตมาเริ่มโอนกันในปีที่ผ่านมา ก็เลยทำกำไรสุทธิค่อนข้างมาก และจ่ายปันผลออกมาได้ค่อนข้างดี
ส่วน ASIAN จ่ายปันผลออกมาทั้งหมด 0.90 บาท ให้ Dividend Yield อยู่ที่ 5.6% เดิมทำธุรกิจพวกแช่แข็ง ซึ่งมาร์จิ้นต่ำ หลังๆ เปลี่ยนไปทำธุรกิจอาหารสัตว์ อาหารแมว-หมา ตัวนี้มาร์จิ้นสูง ทำให้กำไรสุทธิฟื้นตัวได้ขึ้นมาค่อนข้างดี และที่สำคัญค่าเงินบาทอ่อนค่าด้วยเป็นบวกต่อผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มธุรกิจส่งออก
“นี่คือ 10 ตัวที่เราลิสต์มาให้ว่าปีที่แล้วจ่ายปันผลออกมาดีมาก แต่อย่าลืมว่าปันผลที่เราเห็นอาจจะไม่ได้ดีต่อเนื่องในปีนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องทำการบ้านเพิ่มขึ้น” นายอาทิตย์ กล่าว
กางเทคนิคจังหวะเก็บหุ้นปันผล
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อหาหุ้นปันผลสูงเอาไว้ในพอร์ต ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งเรื่องภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กดดันตลาดหุ้นอยู่ เพราะฉะนั้นกรณีที่เกิดความไม่แน่นอนแบบนี้ หุ้นที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ธุรกิจยังยืนหยัดอยู่ได้ และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ จะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนในการเข้าซื้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหุ้นปันผล เทคนิคในการเลือกหุ้นปันผล
วิธีแรก ดูประวัติการจ่ายปันผลย้อนหลังอย่างน้อย 5 ปี
วิธีที่สอง การจ่ายปันผลนอกจากจะสม่ำเสมอแล้ว ควรจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาด้วย ถ้าเจอบริษัทแบบนี้ได้ถือเป็น “หุ้นไข่ห่านทองคำ” ซึ่งเป็นหุ้นปันผลที่ดีมากๆ
วิธีที่สาม ควรจะดูกระแสเงินสด(Cash Flow) ของบริษัทต้องเป็นบวกสูง มีหนี้ต่ำ ระดับ PE ไม่สูงมาก
“ต้องดูด้วยว่าบริษัทนั้นมีกำไรสะสมไหม เพราะบางบริษัทกำไรสุทธิอาจจะพุ่งขึ้นมาในระหว่างปี แต่ถ้าหากยังขาดทุนสะสมอยู่จะจ่ายปันผลไม่ได้ และที่สำคัญต้องไปดูกระแสเงินสด(Cash Flow) ด้วยว่าเป็นบวกหรือลบ ถ้าเป็นลบอยู่โอกาสจ่ายปันผลให้เราก็ยากเช่นเดียวกัน”
นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากนักลงทุนไม่มีเวลา จะมีกลุ่มหุ้นปันผลที่ตลาดหลักทรัพย์เลือกมาให้เรียกว่าหุ้น SETHD ซึ่งดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะคัดหุ้นทั้งหมดที่จ่ายปันผลสูงประมาณ 30 ตัว ผ่านเกณฑ์ต้องจ่ายเงินปันผลแบบสม่ำเสมอในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และเงินปันผลที่เป็นรายการพิเศษไม่เอามาคิด โดย Dividend Yield ที่ได้แต่ละตัวประมาณ 3-5% ถือว่าค่อนข้างดี
หาหุ้นปันผล 5-6% ลงทุนสบายใจ
โดยเฉลี่ยตลาดหุ้นไทยจ่ายปันผลประมาณสัก 3% เพราะฉะนั้นเราควรจะหาหุ้นที่จ่ายปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ย และถัดมาควรบวกทดอัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วย เพราะอัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวกินมูลค่าเงินของเรา สมมติรอบนี้อัตราเงินเฟ้อขึ้นมาอยู่ที่ 1-2% ค่าเฉลี่ยจ่ายปันผลคือ 3% สรุปแล้วปันผลควรจะอยู่ที่ระดับ 5-6% ถึงจะทำให้เราลงทุนแล้วสบายใจ
“อย่างไรก็ตาม ต้องดูด้วยว่าบริษัทนั้นๆ จ่ายปันผลแบบปีละ 1ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง หรือ 4 ครั้ง ถ้าจ่ายปีละครั้ง นักลงทุนสามารถไปเลือกลงทุนได้ในช่วงเดือน ก.พ.หรือ มี.ค.ของทุกปี แต่ถ้าบริษัทไหนที่จ่ายปันผลปีละ 4 ครั้ง ต้องลงทุนตั้งแต่ต้นปีถึงจะได้ Dividend Yield ตามที่เรารายงานไปนะครับ นี่คือทริกง่ายๆ ในการเลือกหุ้นปันผลเข้าพอร์ตครับ” นายอาทิตย์ กล่าว
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance