ATP30 แย้ม Q1 สดใส พัฒนา RPA เสริมระบบจัดการ เพิ่มกำไร

เอทีพี 30 เผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาสแรกปีนี้เติบโตดีต่อเนื่อง รับรู้รายได้รถ 637 คัน เตรียมให้บริการลูกค้าใหม่นิคมฯ ภาคกลาง 1 เม.ย. สัญญา 5 ปี เดินหน้าพัฒนา Robotic Process Automation (RPA) เสริมประสิทธิภาพระบบการจัดการเดินรถ เพิ่มความสามารถทำกำไร ตอกย้ำผลประกอบการปี 65 All Time High รายได้โต 25% แตะ 600 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผล 0.03 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 29 เม.ย.

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/65 มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากการให้บริการรถรับส่งพนักงาน จำนวน 637 คัน ซึ่งถือว่าสูงสุดตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ

นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าใหม่ที่เริ่มให้บริการในนิคมอุตสาหกรรมภาคกลาง เป็นรถบัส จำนวน 6 คัน รถตู้ 5 คัน สัญญา 5 ปี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา และยังมีการเสนอบริการกับลูกค้ารายใหม่ที่สนใจใช้บริการของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการเติบโตที่รวดเร็วของจำนวนรถให้บริการ บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) หุ่นยนต์ที่จะช่วยควบคุมการเดินรถ ทั้งเรื่องการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ การบริหารต้นทุนให้ลูกค้า (จัดการเส้นทางการเดินรถ) ระบบปฏิบัติการติดตามการเดินรถ ตรวจเช็กและซ่อมบำรุง และการควบคุมต้นทุนของบริษัท เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจและเพิ่มความสามารถการทำกำไร

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากภาครัฐมีนโยบายพยุงราคาน้ำมันดีเซล อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันอยู่แล้ว เพราะถือเป็นต้นทุนหลักของการดำเนินงาน อีกทั้งสัญญากับลูกค้าส่วนใหญ่เป็นค่าบริการแปรผันกับราคาน้ำมัน บริษัทจึงสามารถควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

“การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของจำนวนรถที่ให้บริการ ผนวกกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะสามารถทำ All Time High โดยมีรายได้โต 25% แตะ 600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 25% และอัตรากำไรสุทธิ 10%” นายปิยะ กล่าว

ขณะที่ผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 495.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 391.73 ล้านบาท จำนวน 103.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.51% และมีกำไรสุทธิ 33.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.75 ล้านบาท จำนวน 4.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.20%

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย.65 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 0.03 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 20.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 อยู่ที่ 58.86% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) 11 เม.ย.65 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 29 เม.ย.65

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket